กลูโคสเป็นแหล่งพลังงานหลักที่ร่างกายใช้ในการทำงานของเซลล์ กล้ามเนื้อ และสมอง โดยปกติร่างกายจะควบคุมระดับกลูโคสในเลือดให้คงที่ผ่านการทำงานของอินซูลินและฮอร์โมนต่างๆ แต่หากร่างกายมี กลูโคสสะสมมากเกินไป ไม่ว่าจะจากการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงเป็นประจำ หรือระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงและต่อเนื่อง
กลูโคสกับการทำงานของร่างกาย
กลูโคสถูกดูดซึมจากอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว แป้ง น้ำตาล ผลไม้ และขนมหวาน หลังจากนั้นอินซูลินจะทำหน้าที่พากลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน ส่วนที่เหลือจะถูกเก็บสะสมไว้ในรูปไกลโคเจนที่ตับและกล้ามเนื้อ หรือเปลี่ยนเป็นไขมันเพื่อเก็บไว้ใช้ในอนาคต
เมื่อกลูโคสสะสมเกินความต้องการ
หากร่างกายได้รับกลูโคสเกินกว่าที่ใช้ได้ทันที จะเกิดการสะสมอย่างต่อเนื่อง ผลที่ตามมาอาจเกิดได้หลายด้าน เช่น
- เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ระดับกลูโคสในเลือดสูงอย่างต่อเนื่องทำให้เซลล์ดื้อต่ออินซูลิน อินซูลินจึงไม่สามารถพากลูโคสเข้าสู่เซลล์ได้ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง
- ความเสียหายต่อเส้นเลือดและหัวใจ กลูโคสสูงเกินไปจะทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งและหนา เสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ และความดันโลหิตสูง
- ทำลายการทำงานของไต เมื่อร่างกายพยายามกำจัดน้ำตาลส่วนเกินผ่านทางปัสสาวะ ไตต้องทำงานหนักมากขึ้น อาจนำไปสู่ภาวะไตเสื่อม
- ปัญหาสายตาและประสาท น้ำตาลในเลือดสูงจะทำลายเส้นเลือดฝอยที่เลี้ยงดวงตาและเส้นประสาท ทำให้เสี่ยงต่อโรคเบาหวานขึ้นตาและเส้นประสาทเสื่อม
- น้ำหนักตัวเพิ่มและภาวะอ้วน กลูโคสส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกาย นำไปสู่ภาวะอ้วนและโรคที่เกี่ยวข้อง
สัญญาณเตือนว่าร่างกายอาจมีกลูโคสสูงเกินไป
- กระหายน้ำและปัสสาวะบ่อย
- เหนื่อยง่ายและอ่อนเพลีย
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- แผลหายช้ากว่าปกติ
- การมองเห็นพร่ามัว
หากพบอาการเหล่านี้บ่อย ควรเข้ารับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อประเมินความเสี่ยงและรับคำแนะนำจากแพทย์
วิธีป้องกันและควบคุมระดับกลูโคสให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ลดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
- เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี และผัก
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานและปรับสมดุลอินซูลิน
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- ตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อเฝ้าระวังระดับน้ำตาลในเลือด
สรุป
การสะสมกลูโคสมากเกินไปในร่างกายเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต และปัญหาสุขภาพอื่นๆ การรู้เท่าทันและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการรักษาสุขภาพระยะยาว การปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากปัญหาดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ